การออกตามหา second job บนเกาะอันเวิ้งว้าง

     ทำงานมาได้ประมาณสามอาทิตย์แล้ว  ด้านรายได้ของสองอาทิตย์แรก ตีเป็นเงินไทย ก็ตกประมาณ 20,203 บาท ก็เยอะอยู่นะเว้ยแก  ยังลองมานั่งคิดเล่นๆ เลยว่าถ้าเดือนนึงมันคงจะประมาณห้าหมื่นได้  รวยๆๆๆๆ วะฮ่าฮ่า แล้วพอมารวมๆรายได้เดือนนึงโดยหักค่านู่นนี่นั่นแล้ว ก็อยู่ที่ประมาณ ห้าหมื่นบาท  แต่ทีนี้คนเราอ่ะ  ได้แค่นี้มันก็ยังไม่รู้จักพอหรอก  ก็นะ ความอยากมันไม่มีที่สิ้นสุด 




อันนี้คือเงินที่เราได้ทั้งเดือนแต่แอบเอาไปซื้อของแล้วหลายอย่างกับหักค่าบ้าน เลยเหลือมา 1,100$ 


นี่คือ เพลย์เช็ค ใบแรกที่เราได้รับ   อิอิ หายเหนื่อยเลย 2week นะอันนี้

     ละทำไงดีล่ะ  ง่ายๆ ก็หา   second job สิเว้ยเห้ย  แต่นะแต่ บนเกาะนี้เนี่ยนะ  เกาะเล็กๆ อันเวิ้งว้างและห่างไกล  มีนักท่องเที่ยวล้นเกาะแต่ร้านอาหารต่างๆ มันก็มีไม่มากไง  เอาไงดี  เลยปรึกษากับพัด  เพราะนางเก่งอิ๊งที่สุดในกลุ่ม  เลยตกลงกันว่าจะเดินหางานกันไปเรื่อยๆ ตามร้านค้าบนเกาะ  ก็ไปกันสี่คน  มีเรา จ๋า แต้ว แล้วก็พัด



      เราเดินหากันหลายร้านมาก  ทั้งร้านอาหาร  ร้านขายไวน์ ร้านขายของที่ระลึก  แต่คำตอบที่ได้ก็คือ  เขายังไม่รับพนักงานตอนนี้  อาจเป็นเพราะว่าพวกแห่มากันดยอะเกินไป  เราเลยต้องเดินกลับที่พักกันด้วยความผิดหวัง  


      แต่ไม่นานพัดก็ได้ second job จนได้ แต่เป็นงานพับผ้าในโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง  ซึ่งเรากับจ๋าและแต้วขอบาย  เพราะไม่ถนัดเลยจริงๆ กับการประณีตพับผ้าเนี่ย  

      เราสามคนเลยปลอบใจตัวเองกันว่า  เอาน่า  แค่งานเดียวก็ได้เงินเยอะแล้ว  แถมยังไม่ต้องเหนื่อยเพิ่มอีก  คิดบวกๆ เนาะ 55555

ล้างรถกอล์ฟเก็บชั่วโมง เมกมันนี่

     ช่วงที่มาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนี้แรกๆ  ทางนายจ้างได้ใช้ให้กลุ่มเด็กไทยไปล้างรถกอล์ฟ  บอกก่อนว่าไม่ใช่แค่คันสองคันนะ  เป็นร้อยคันเลยเว้ย   แล้วคืออากาศแบบร้อนมากอ่ะ  น้ำยาที่ใช้ล้างรถก็แรงมาก  กัดจนมือเปื่อย  แต่พวกเรากลับชอบนะงานล้างรถเนี่ย  เพราะว่ามันได้ชั่วโมงงานเยอะดี  เงินก็จะได้เยอะตามไปด้วย 



        นี่คือรถกอล์ฟที่เราไปล้าง



      เชื่อมั้ย  เราล้างโดยไม่ใส่รองเท้า  เอาซะเท้าดำอย่างเห็นได้ชัด  แถมตอนกลางวันที่ล้างรถวันแรกไม่มีอาหารกลางวันให้กินอีกต่างหาก  แต่วันที่สองนายจ้างคงนึกได้  เลยให้ผลัดเวรกันไปกินอาหารกลางวันที่บาร์ได้  ยัดแหลกค่า 55555 ไส้กรอก ขนมปัง แฮมเฮิมแหลกให้หมด 


นี่เลยสภาพเท้าเราหลังจากล้างรถเสร็จ  ไงล่ะ ดำเลยดิ อิอิ

และแล้วกัลยาณมิตรก็มาถึง

     วันนี้มานับๆ ดูก็อยู่ที่พุทอินเบย์มาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว  รู้สึกปรับตัวกับอะไรหลายๆ อย่างได้เยอะขึ้น  ที่สำคัญคือรู้สึกได้เลยว่าเราสามารถปูเตียงได้เร็วขึ้นโดยไม่เป็นตัวถ่วงของเพื่อนร่วมงานอีกต่อไป วะฮ่าๆ 
     
     จำได้อย่างสนิทใจว่าเรากับจ๋าและแต้วกำลังนั่งเม้าท์กันอยู่ในห้องพัก  อยู่ๆ ก็มีสมาชิกใหม่ 2 คน โผล่หน้าเข้ามาทักทาย  นางชื่อ แพม และ ออมมี่  จะบอกว่าพวกนางคือกัลยาณมิตรที่เรารอคอยมานาน  เพราะอะไรน่ะเหรอ  จิบอกว่าพวกนางทำอาหารเก่งมาก  ทำงานก็เก่ง  นิสัยดี  จริงใจ  เรารู้สึกโชคดีมากจริงๆ ที่การมาworkครั้งนี้มีพวกนางมาด้วย  เพื่อนร่วมชะตากรรม 555 

                    สองคนที่มีแว่นอยู่บนหัวคือแพมกับออมมี่ ซ้ายสุดคือจ๋า ขวาสุดคือเรา
                                       และคนกลางคือ  บริททานีย์ เพื่อนแท้ที่อเมริกาจ้า



      พวกนางทั้งคู่มาจากธรรมศาสตร์  สำหรับแพมนี่คือภาษาอังกฤษนางเริ่ดมาก  นางเป็นอิสลาม  ส่วนออมมี่นั้นทำอาหารเก่ง  ตั้งแต่นางมาเราก็รู้สึกว่าเรากินดีอยู่ดีขึ้นเยอะ  เพราะนางมาช่วยเราทำกับข้าว  เอาจริงๆ ส่วนตัวเราเองก็ทำอาหารเป็นแค่ไม่กี่อย่าง  มีออมมี่กับ   แพมมา  ทำให้เราได้กินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น  เรียกได้ว่าพวกนางมาช่วยเราในหลายๆ เรื่องจริงๆ  นี่แหละกัลยาณมิตรที่เรารอคอยมานาน 55555