อัธยาศัยของเพื่อนร่วมงานและการนินทา

     พูดถึงนิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานที่นี่  เอาคนไทยก่อนนะ

          คนไทยนิสัยโอเคเกือบทุกคน  แต่ก็มีบ้างบางคนที่แบบขี้นินทา  พูดเกินจริงและที่สำคัญขี้ฟ้องมากๆ ฟ้องใครอะเหรอแก  ก็ฟ้องหัวหน้าแม่บ้านไงว่าแบบ  ไอ้คนนั้นมันไม่โอเคนะ  ทำงานแย่  บลาๆ แต่ก็นะ นานาจิตตังวะ  มีปากก็พูดกันไปอ่ะ  ใครสตรองก็อยู่รอดนะ  ใครไม่สตรอง  หึหึ ตายสถานเดียว


       
          ก็มีบ้างนะที่บางคนโดนกล่าวหานินทาแล้วก็มานั่งร้องไห้  แต่เราเอ็นดูคนนี้นะ  นางนิสัยดีแต่เซ้นซิทีฟ  ใช้ชื่อย่อว่า ม ละกัน  ม มาคนเดียวจ้ะ และยังอ่อนต่อโลก  นางไม่ค่อยมีเพื่อนถึงมีเพื่อนที่นี่ก็ยังเอานางมานินทาลับหลังอ่ะเนาะ เราเลยคอยเคุยคอยทำให้นางขำอ่ะงานถนัดของเรา  สิ่งนึงที่เราชอบในตัวนางก็คือ  นางพูดกับทุกคนเพราะนะ   มีหางเสียงทุกคำ มีมารยาท  แค่นางร้องไห้ง่ายแค่นั้นแหละ




อ่ะ ม ปป อ มีอยู่ในนี้แหละ  เลือกเดาเอานะ อิอิ  ส่วน ช ไว้บล็อกถัดไปเนาะ


           คนที่สองสามและสี่  เราขอเรียกนางว่า ช ปป และ อ โดย ช กับ อ นี่เป็น ผชนะ ตอนแรกมีคนมาเป่าหูเราเว้ยว่า อ ไม่ดีงั้นงี้  จนทำให้เรารู้สึกไม่ชอบขี้หน้า อ ไปโดยปริยาย  หูเบาเนาะ ห้าๆ แต่ก็นะพออยู่ไปนานๆ รู้เช่นเห็นชาติกันมากขึ้น อ่ะๆ ก็พอจะรู้ละว่า อ น่ะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเว้ย  อ ออกจะเทคเเคร์พวกเราด้วยซ้ำไป  อีกอย่างนะ  อ  ทำอาหารเก่งมาก  เราชอบเลยอ่ะ  หมายถึงฝีมือการทำอาหารนะ  อิอิ   ต่อมาคือ ปป นางสนิทกับ อ มาก แต่นางก็นิสัยโอเคนะ  ด่าตรงๆ พูดตรงๆ แต่นางอาจจะไม่ค่อยเก่งอังกฤษเท่าไหร่  เลยมีคนบางพวกเอานางมานินทาเป็นเรื่องขำขัน  แต่นางชอบแบ่งของกินให้เราชิม  เราเลยโอเคกะนางมาก ห้าๆ เห็นเเก่กินว่ะ  คนที่สี่คือ ช  ไอ้นี่ขาเมา แต่นางเป็นคนฮาๆเว้ย เราเคยไปทำที่รีสอร์ทสาขาสองกะนางมา  นางคุยสนุก  แมนป่าวอันนี้ไม่รู้  เท่าที่ดูก็แมน  ขนาดกลับมาไทยเรายังติดต่อกันอยู่เลย  ส่วนคนอื่นๆ รอบล็อกถัดไปเนาะ เมื่อยมือละ


ว่าด้วยเรื่องของการให้ทิป

     พูดถึงการทำงานต่างประเทศ  หลายๆ คนคงเคยได้ยินมาว่า ฝรั่งนี่ให้ทิปหนัก บางคนได้ทิปจนรวยเลยก็มี   ที่คงไม่ใช่ที่พุท อิน เบย์ รีสอร์ทแห่งนี้แน่นอน  เพราะอะไรน่ะเหรอ  ก็เพราะความเอารัดเอาเปรียบของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์โรงแรมน่ะสิ  ความจริงแล้วเวลาทำความสะอาดห้องเราจะวางซองทิปไว้ให้แขกด้วย  มันคือธรรมเนียมอยู่แล้วของที่นี่  และส่วนมากเลยแขกก็จะใส่ทิปไว้ให้ มากบ้างน้อยบ้างคละกันไป 



 นี่คือซองทิปที่เราจะใส่ไว้ในห้องพักของแขกหลังทำความสะอาดเสร็จ


     แต่อย่างที่เราได้กล่าวถึงพวกที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ไปข้างต้นนั่นแหละ  พวกนี้ฉลาดแกมโกง  จะคอยเช็กว่าแขกห้องไหนเช็กเอาต์แล้ว  และจะรีบขึ้นไปห้องนั้นก่อนพวกเราเพื่อไปเอาเงินทิปในซอง

     ดังนั้น  จึงไม่แปลกเลยที่พอเราเข้าไปทำความสะอาดแล้วจะไม่เจอทิปเลยซักบาท  เพราะพวกมือไวเอาไปหมดแล้วน่ะสิ  น่าเจ็บใจนัก!!!

การออกตามหา second job บนเกาะอันเวิ้งว้าง

     ทำงานมาได้ประมาณสามอาทิตย์แล้ว  ด้านรายได้ของสองอาทิตย์แรก ตีเป็นเงินไทย ก็ตกประมาณ 20,203 บาท ก็เยอะอยู่นะเว้ยแก  ยังลองมานั่งคิดเล่นๆ เลยว่าถ้าเดือนนึงมันคงจะประมาณห้าหมื่นได้  รวยๆๆๆๆ วะฮ่าฮ่า แล้วพอมารวมๆรายได้เดือนนึงโดยหักค่านู่นนี่นั่นแล้ว ก็อยู่ที่ประมาณ ห้าหมื่นบาท  แต่ทีนี้คนเราอ่ะ  ได้แค่นี้มันก็ยังไม่รู้จักพอหรอก  ก็นะ ความอยากมันไม่มีที่สิ้นสุด 




อันนี้คือเงินที่เราได้ทั้งเดือนแต่แอบเอาไปซื้อของแล้วหลายอย่างกับหักค่าบ้าน เลยเหลือมา 1,100$ 


นี่คือ เพลย์เช็ค ใบแรกที่เราได้รับ   อิอิ หายเหนื่อยเลย 2week นะอันนี้

     ละทำไงดีล่ะ  ง่ายๆ ก็หา   second job สิเว้ยเห้ย  แต่นะแต่ บนเกาะนี้เนี่ยนะ  เกาะเล็กๆ อันเวิ้งว้างและห่างไกล  มีนักท่องเที่ยวล้นเกาะแต่ร้านอาหารต่างๆ มันก็มีไม่มากไง  เอาไงดี  เลยปรึกษากับพัด  เพราะนางเก่งอิ๊งที่สุดในกลุ่ม  เลยตกลงกันว่าจะเดินหางานกันไปเรื่อยๆ ตามร้านค้าบนเกาะ  ก็ไปกันสี่คน  มีเรา จ๋า แต้ว แล้วก็พัด



      เราเดินหากันหลายร้านมาก  ทั้งร้านอาหาร  ร้านขายไวน์ ร้านขายของที่ระลึก  แต่คำตอบที่ได้ก็คือ  เขายังไม่รับพนักงานตอนนี้  อาจเป็นเพราะว่าพวกแห่มากันดยอะเกินไป  เราเลยต้องเดินกลับที่พักกันด้วยความผิดหวัง  


      แต่ไม่นานพัดก็ได้ second job จนได้ แต่เป็นงานพับผ้าในโรงแรมอีกแห่งหนึ่ง  ซึ่งเรากับจ๋าและแต้วขอบาย  เพราะไม่ถนัดเลยจริงๆ กับการประณีตพับผ้าเนี่ย  

      เราสามคนเลยปลอบใจตัวเองกันว่า  เอาน่า  แค่งานเดียวก็ได้เงินเยอะแล้ว  แถมยังไม่ต้องเหนื่อยเพิ่มอีก  คิดบวกๆ เนาะ 55555

ล้างรถกอล์ฟเก็บชั่วโมง เมกมันนี่

     ช่วงที่มาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนี้แรกๆ  ทางนายจ้างได้ใช้ให้กลุ่มเด็กไทยไปล้างรถกอล์ฟ  บอกก่อนว่าไม่ใช่แค่คันสองคันนะ  เป็นร้อยคันเลยเว้ย   แล้วคืออากาศแบบร้อนมากอ่ะ  น้ำยาที่ใช้ล้างรถก็แรงมาก  กัดจนมือเปื่อย  แต่พวกเรากลับชอบนะงานล้างรถเนี่ย  เพราะว่ามันได้ชั่วโมงงานเยอะดี  เงินก็จะได้เยอะตามไปด้วย 



        นี่คือรถกอล์ฟที่เราไปล้าง



      เชื่อมั้ย  เราล้างโดยไม่ใส่รองเท้า  เอาซะเท้าดำอย่างเห็นได้ชัด  แถมตอนกลางวันที่ล้างรถวันแรกไม่มีอาหารกลางวันให้กินอีกต่างหาก  แต่วันที่สองนายจ้างคงนึกได้  เลยให้ผลัดเวรกันไปกินอาหารกลางวันที่บาร์ได้  ยัดแหลกค่า 55555 ไส้กรอก ขนมปัง แฮมเฮิมแหลกให้หมด 


นี่เลยสภาพเท้าเราหลังจากล้างรถเสร็จ  ไงล่ะ ดำเลยดิ อิอิ

และแล้วกัลยาณมิตรก็มาถึง

     วันนี้มานับๆ ดูก็อยู่ที่พุทอินเบย์มาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว  รู้สึกปรับตัวกับอะไรหลายๆ อย่างได้เยอะขึ้น  ที่สำคัญคือรู้สึกได้เลยว่าเราสามารถปูเตียงได้เร็วขึ้นโดยไม่เป็นตัวถ่วงของเพื่อนร่วมงานอีกต่อไป วะฮ่าๆ 
     
     จำได้อย่างสนิทใจว่าเรากับจ๋าและแต้วกำลังนั่งเม้าท์กันอยู่ในห้องพัก  อยู่ๆ ก็มีสมาชิกใหม่ 2 คน โผล่หน้าเข้ามาทักทาย  นางชื่อ แพม และ ออมมี่  จะบอกว่าพวกนางคือกัลยาณมิตรที่เรารอคอยมานาน  เพราะอะไรน่ะเหรอ  จิบอกว่าพวกนางทำอาหารเก่งมาก  ทำงานก็เก่ง  นิสัยดี  จริงใจ  เรารู้สึกโชคดีมากจริงๆ ที่การมาworkครั้งนี้มีพวกนางมาด้วย  เพื่อนร่วมชะตากรรม 555 

                    สองคนที่มีแว่นอยู่บนหัวคือแพมกับออมมี่ ซ้ายสุดคือจ๋า ขวาสุดคือเรา
                                       และคนกลางคือ  บริททานีย์ เพื่อนแท้ที่อเมริกาจ้า



      พวกนางทั้งคู่มาจากธรรมศาสตร์  สำหรับแพมนี่คือภาษาอังกฤษนางเริ่ดมาก  นางเป็นอิสลาม  ส่วนออมมี่นั้นทำอาหารเก่ง  ตั้งแต่นางมาเราก็รู้สึกว่าเรากินดีอยู่ดีขึ้นเยอะ  เพราะนางมาช่วยเราทำกับข้าว  เอาจริงๆ ส่วนตัวเราเองก็ทำอาหารเป็นแค่ไม่กี่อย่าง  มีออมมี่กับ   แพมมา  ทำให้เราได้กินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น  เรียกได้ว่าพวกนางมาช่วยเราในหลายๆ เรื่องจริงๆ  นี่แหละกัลยาณมิตรที่เรารอคอยมานาน 55555

และแล้วฉันก็ก่อเรื่องจนได้!!

     
     จำได้ไม่แม่นเท่าไหร่ น่าจะประมาณวันที่ 2-3 ของการมาอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง  ไอ้เราก็ก่อเรื่องจนได้จ้า  คืออย่างที่บอกว่าเราพักอยู่ห้องใต้ดิน  ในห้องนอนก็มีแค่เตียงกับโต๊ะตัวเล็กๆ1ตัว เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอาหารก็ต้องมาทำที่ห้องครัวส่วนกลางเลยจ้า 




                       นี่คือห้องครัวส่วนกลางในบ้านพักเราเอง งิงิ


     เรื่องมันเริ่มจากการที่เราอยากกิน "ไก่ทอด" เราลงทุนไปซื้อเนื้อไก่มาหมักกับซีอิ๊วเลยนะ  แบบว่าเบื่อขนมปังกับพวกไส้กรอกแล้วอ่ะ  จากนั้นก็ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน และเอาไก่ลงไปทอด  จริงๆ แล้วมันควรจะได้ไก่สุกเหลือง เนื้อนุ่มใช่มั้ยล่ะ แต่เปล่าเลย  ควันจากการทอดไก่ขโมงไปทั่วห้องครัว   และที่เลวร้ายไปกว่านั้นเว้ย  สัญญาณกันไฟไหม้มันจับควันไก่ทอดที่ลอยขึ้นมาได้ มันร้องตี๊ดๆ ดังลั่นเลยจ้า  แล้วไม่ได้ดังที่บ้านพักอย่างเดียวนะ  มันดังลั่นไปถึงรีสอร์ทด้วย  เจ้านายใหญ่ หัวหน้าแม่บ้าน คนอื่นๆ ต่างรีบวิ่งมาดูกันเป็นที่โกลาหลไปทั่ว

     ผลก็คือถูกตำหนิเล็กน้อย เขาก็เข้าใจนะว่าเราไม่ได้ตั้งใจ โชคดีไป นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว  เพื่อนส่วนใหญ่ก็ให้กำลังใจ แต่ก็มีบางคนที่พูดให้เราคิดมากกว่า เห้อ  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ระวังการทอดไก่ต่างแดนเน้อ แค่ควันอาจจะทำให้วิ่งวุ่นกันทั้งเกาะก็เป็นได้  กิกิ


ขอคั่นมาเรื่อง สิ่งของที่ควรเตรียมไป Work And Travel ก่อนนะ

    


   

     โทษทีอ่ะ ลืมไปเลย มัวแต่เม้าส์แตกฟองกะเรื่องทำงานวันแรก ลืมบอกถึงเรื่องข้าวของที่ควรเตรียมมาต่างแดน ว่ามีอะไรที่จำเป็นบ้าง


     อย่างแรกเลย ผ้าอนามัย แกจะมาหาซื้อที่นี่ให้เปลืองแรงทำไม เตรียมมาเองโลด กี่สิบห่อก็ว่ากันไป


     ต่อมา เราว่าพวกอาหารนี่สำคัญมาก (สำหรับเรากะพรรคพวกอ่ะนะ) คือเราเป็นคนกินยากมาก ลากเสียงยาวๆๆๆๆๆ เราเลยเตรียมพวกน้ำพริกแห้ง น้ำพริกเผา มาม่านี่เป็นแผงอ่ะแก น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำตาล รสดีรสดังอะไรแกก็ขนๆ กันไปเถอะ รับรองได้ใช้แน่ จะบอกว่าเราพลาดมากที่ลืมเอาน้ำมันหอยไป เลยต้องขอยืมเพื่อนคนไทยเอานิดๆ หน่อยๆ ให้พอกรุบกริบ ถ้ามีน้ำมันหอยนะแกจะผัดผัก หรือผัดมาม่าปาปิก้าอะไรก็แซ่บเว่อร์เลยรับรอง หรือจะพกนมข้นหวานมากินกับขนมปังก็ได้นะเพราะที่นี่ไม่มีขาย จะมีก็ต้องในเมืองใหญ่ๆ ไม่ใช่เกาะแบบที่เราอยู่อ่ะ คนอร์ก้อนหรือผงพกมาโลด


     เสื้อผ้า เราว่าเอาพวกเสื้อยืดมาก็ดี แต่งตัวง่ายดี ดูอากาศด้วยนะ ถ้าหนาวก็พกแบบหนาๆ มา แนะนำว่าอย่าพกมาเยอะเว้ย เพราะเดี๋ยวแกต้องหาเรื่องซื้อใหม่แหงๆ ถ้าพกมาเยอะพอแกซื้อใหม่มาเพิ่ม แกก็เก็บใส่กระเป๋าไม่พอ สุดท้ายแกต้องทิ้งของเก่า วะฮ่าๆ เราทำมาแล้วเว้ยแกเลยบอกได้ อิอิ รองเท้าแตะ ถุงเท้าก็ ครีมทาผิว ครีมกันแดดก็อย่าลืมนะ


     เครื่องใช้ไฟฟ้า พวกไดร์เป่าผม หม้อหุงข้าว เราว่าไม่ต้องเอามาให้มันหนักหรอก ที่พักที่นี่เขามีให้ถ้าไม่กันดารจนเกินไปอ่ะนะ ยกเว้นพวกที่หนีบผมไรงี้ ถ้าแกอยากสวยแกก็เตรียมมาเอง แล้วก็อย่าลืมปลั๊กแปลงไฟด้วย เอามากันไว้ก่อนเผื่อได้ใช้


     อันนี้สำมะคัญมากๆ ยาเว้ยยา คือมาอยู่ที่นี่สามเดือนอ่ะแก มันต้องมีป่วยบ้างอะไรบ้างแหละ เรานี่ขาป่วยเลย ยาที่เราเอามาก็เป็นยาพื้นฐานทั่วไป ก็พวก ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาพารา ยาธาตุสี่คูณร้อย ยาแก้ท้องเสีย ยาลดน้ำมูก ยาดม ยาอม ยาหม่อง เค้าน์เตอร์เพลน (เผื่อแกทำงานแล้วปวดแขนปวดขา) จะบอกว่าค่าหมอที่นี่แพงมากมาย ทำงานก็เก็บตังไว้เหอะ อย่าเอามาเป็นค่าหาหมอเลยแก๊


     เอ้อ แกอย่าลืมเตรียมพวกของที่ระลึกจากเมืองไทยไปให้นายจ้างด้วยนะ คนฝรั่งเขาชอบกัน เสื้อกระทิงแดง กระเป๋ารูปช้างอะไรแบบเนี้ย ขายต่อยังได้เลยแก ฮ่าๆ

วันที่เริ่มทำงานเป็นยัยแจ๋ววันแรก

นี่คือรีสอร์ทที่เราต้องไปทำงาน พุทอินเบย์ รีสอร์ท


      วันแรกของการทำงาน แน่นอนว่ามันตื่นเต้นมากๆ พวกเราตื่นกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำอาหารกินกันอย่างง่ายๆ ไส้กรอกขนมปังนั่นแหละ ใส่ชุดฟอร์มที่นีนฟาหามาให้ เสื้อคอปกสีขาว กางเกงที่เตรียมไปเองขายาวสีครีม รองเท้าผ้าใบสีขาว ไปถึงที่ห้องแม่บ้าน เราต้องไปตรอกบัตรเวลาเข้าทำงานก่อน





นี่คือหน้าตาของบัตรตอกเข้าทำงานจ้ะ




     นีนฟาจะแปะกระดาษสั่งงานไว้ที่ผนัง เด็กwork ทุกคนต้องไปดูว่าใครได้หน้าที่อะไรบ้าง เอาจริงๆนะ วันแรกเรามึนมากอ่ะ แปลไม่ค่อยออกอ่ะ นี่ลายมือหรือลายติงวะ ชุ่ยมากค่ะ ให้แปลเป็นไทยก็ยากพออยู่แล้วนี่ยังต้องมานั่งแกะลายมืออีก ป๊าด ชีวิตไม่ง่ายแล้วเว้ย วันแรกนี่คือเราได้ไปช่วยเพื่อนคนนึงขัดลิฟต์ เช็ดๆ ถูๆ ก็ง่ายๆใช่ป่ะล่ะ แต่งานต่อไปนี่สิ บรรลัยละตู หึหึ


      หลังจากที่ทุกคนทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายบนแผ่นกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมารวมพล เอ้ย รวมตัวกันที่ห้องแม่บ้าน นีนฟานางจะจับคู่ให้ทำงานร่วมกัน ตอนนั้นเราใจเสียละ จะได้คู่กับเเต้วกับจ๋าป่าววะเนี่ย ให้ไปกับคนอื่นแม่งก็ไม่สนิท ภาษาก็ไม่ค่อยได้ สุดท้ายโชคดีคือเราได้คู่กับกุ้งและคนไทยอีกคน ใช้นามสมมุติว่า "เก่ง" แล้วกันนะเพราะนางเป็นแมนที่เก่งสมชื่อเลยอ่ะ อิอิ เราได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดห้องพักชั้นหนึ่งทั้งหมด ซึ่งป้ำๆ เป๋อๆ มากเลย จะหยิบจับอะไรก็มั่วไปหมด เอาผ้าเช็ดส้วมมาเช็ดอ่างอาบน้ำ โวะ!ท่าจะบ้า พาลทำให้ไอ้เก่งมันหงุดหงิดเราไปอีกที่เราทำไม่ได้ดั่งใจมัน แถมนีนฟาก็ส่ง "อาจัว" รองหัวหน้าแม่บ้านมาคอยจับผิดเราเป็นระยะๆ อาจัวนางเป็นสาวผิวดำมาจากแถบแอฟริกามั้ง นางชอบคิดว่านางสวยสดหยดย้อยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ชั้นศิวลึงค์ เอ้ย ชั้นดาวดึงส์ พวกเรานี่ความสวยเทียบนางไม่ได้เลยนะ หมายถึงในโลกมโนของนางน่ะ อิอิ


     เออๆ มีอยู่ทีนึงวันแรกนี่แหละ ที่หน้าประตูห้องพักแขกแขวนป้ายไว้ว่า "Do Not Distrub" จะด้วยกรรมหรือความโง่ของเราก็ไม่รู้ เราไม่ทันได้สังเกต ดันไปเคาะห้อง ปังๆ (ก่อนจะเข้าไปทำความสะอาดต้องเคาะห้องก่อน) นีนฟาเดินผ่านมาพอดี นางด่าเราเป็นชุดเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราสตรองมากเพราะเราฟังไม่ออก กุ้งเพื่อนใหม่นางก็หวังดีนะแปลให้เราฟัง เอ่อ ปล่อยตูโง่ไปแบบนี้ก็ได้นะทีหลังอ่ะฮ่าๆ

      สรุป วันแรกผ่านไปอย่างทุลักทุเลยูเรก้ามาก เหนื่อยมาก มึนมาก หิวมากเพราะที่นี่โหดอย่างนึง มันไม่มีพักกลางวันให้อ่ะ เลิกงานนะแทบจะเหมาของกินทั้งตู้เย็นเลยอ่ะ


นี่ถ่ายจากสถานที่จริงเลยนะ ฝรั่งแม่งใช้ห้องคุ้มมาก เพลียไปอีก

วันแรกที่เท้าฉันเหยียบไปบนเกาะ Put In Bay แผ่นดินอเมริกา ปี 2015



(ยืมรูปจากเน็ตมา ไม่ได้ถ่ายภาพเกาะมุมสูงไว้ย่ะ) นี่แหละเกาะที่เราต้องดั้นด้นถ่อสังขารมาทำงาน  พวกเราเรียกมันว่าเกาะนรกแตก  เพราะแทบจะไม่มีอะไรเลย นอกจากทะเลสาบที่เล่นน้ำไม่ได้แล้วก็นักท่องเที่ยวมากมายจนล้นเกาะ





นี่คือเรือมิลเลอร์เฟอร์รี่ที่นั่งข้ามมาเกาะเว้ยแก  ยืมรูปจากเน็ตมาอีกตามเคย ฮี่ๆ


     วันแรกเลยนะ เรามากับเพื่อนในแก๊งสามคน  มีเรา จ๋า แล้วก็แต้ว นั่งเรือมิลเลอร์เฟอร์รี่ข้ามมาที่เกาะนี้  อากาศตอนนั้นหนาวเลยแหละ  เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเว้ย  แต่แดดก็แรงไม่แพ้ลมเลยนะแก  คือเราทำใจเลยอ่ะว่า "ตูต้องดำแน่ๆสามเดือนอ่ะ" แต่เอาวะ  มาเก็บตัง ดำก็ยอม  



รถแวนก็ประมาณนี้


           พอถึงบนเกาะพวกเราก็ต่อรถแวน  เอาจริงๆ คล้ายๆ รถสองแถวแหละแก ค่าโดยสารคนละประมาณ 4$  พอมาถึงพวกเราก็ตรงไปที่รีสอร์ทพุทอินเบย์เลยเว้ย   แล้วก็เจอกับหัวหน้าแม่บ้าน  ชื่อ  "นีนฟา"   จำชื่อยัยคนนี้ไว้ให้ดีๆ นะ  แม่นี่อ่ะตัวดีเลย นางพาพวกเราไปยังที่พัก  แกเอ๊ย!! ครั้งแรกที่เห็นที่พักนี่แบบพูดไม่ออกเลยว่ะ  คือมันอยู่ชั้นใต้ดินอ่ะแก อารมณ์แบบไม่มีหน้าต่าง  ไม่มีระเบียงละจะมีเตียงให้ตูม้ายเนี่ย  เดินทางมาก็เหนื่อย  ขนกระเป๋ามาก็หนัก  ต้องมาเจอสภาพห้องพักใต้ดินแบบนี้อีก  คือภาพที่วาดฝันไว้สวยหรูล่มสลายเลยอ่ะ






โถงทางเดินที่พักเรา ยังกับฐานลับนาซี


          ละคือในใบ Job Offer  อ่ะ บอกว่าห้องนึงนอนไม่เกินสี่คน  แต่ที่มันพาเรามานะ มีหกเตียง  แม่เจ้าโว้ย!! นี่ให้ตูมาอยู่ใต้ดินแล้วยังจะให้นอนอัดกันหกคนอีกเหรอ  what the hell  ไม่นะ  ม่ายยยยย  แต่ยังดีที่สมาชิกห้องเราสุดท้ายแล้ว  มีแค่ห้าคน คือมี  เรา จ๋า  แต้ว  พัด(เด็กมอบูรพา) น้องกิ๊บอ้วน (เด็กมอกรุงเทพ) ส่วนเราสามคนเป็นเด็กมอเกษตรหมดเลยจ้า  แท็กทีมกันมา ฮ่าๆ   


เตียงนอนของพวกเรา เหมือนจะดีใช่ป่ะ 555

          โชคดีอีกอย่างนึงที่พวกเราสามคนมาถึงห้องนี้เป็นกลุ่มแรก  เลยมีโอกาสได้เลือกเตียงก่อน  จัดแจงวางข้าวของเสร็จคราวนี้ก็ต้องมาทำความรู้จักเพื่อนใหม่กันเนาะ  คนแรกที่เข้ามาทักเรา(ขอใช้นามสมมุตินะ)นางชื่อ  "กุ้ง" เป็นหญิงจ้ะ ภาษาอังกฤษนางเริ่ดอยู่เชียวแหละ  นางก็มาเล่านู่นนั่นนี่เกี่ยวกับกลุ่มของเพื่อนคนไทยที่มาก่อนให้พวกเราฟัง  ดูๆไปนางเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เม้าส์เลยแหละ  แต่นางก็แนะนำเราว่าที่เกาะนี้มีอะไรบ้าง  ต้องทำตัวยังไงเวลาที่เข้างาน  ลักษณะงานเป็นยังไงอะไรทำนองนี้  เสร็จกิจของวันนี้  ก็ไม่มีอะไรมาก  แค่เซ็งกับที่พัก  คิดถึงแม่  คิดถึงบ้าน  คิดถึงทุกๆ อย่างที่เมืองไทย ก็แค่นั้นเอง